Select Page

[บทความนี้ตัวผมเองได้เคยเขียนไว้ที่ www.TechUpThailand.com จ้า พอดีเห็นว่าเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นเลยนำมารวมรวบและแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านกันต่อที่นี่จ้า ^^]

 

วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) และศาลเจ้าอาซากุสะ (Asakusa Shrine) หนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาโตเกียว ไม่ใช่เพราะว่าทุกทัวร์พามาเที่ยวที่นี่ แต่เป็นเพราะเค้ามีความเชื่อกันว่าหากได้มาที่นี่จะได้กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้ง! ด้วยเหตุนี้เองผมก็เป็นอีกคนที่ต้องมาที่นี่แทบทุกครั้งที่มาโตเกียวเลยล่ะครับฮะๆ เอ๊ะๆๆๆว่าแต่ทำไมมันมีทั้งศาลเจ้าและวัด แถมวัดไม่ได้ชื่ออาซากุสะด้วย ขออธิบายให้เข้าใจเนื่องจากด้านในจะมีทั้งศาลเจ้าและวัดอยู่ที่ที่เดียวกันแล้ว สถานที่นี้ยังอยู่ภายในบริเวณเขตอาซากุสะ ผู้คนเลยเรียกกันอย่างติดปากว่าอาซากุสะนั่นเองล่ะครับ แต่จริงวัดยังมีอีกชื่อคือ Asakusa Kannon Temple อีกด้วย โห..ที่จริงผมว่าเราไม่ต้องไปใส่ใจก็ได้นะครับว่าชื่ออะไรเพราะมันเยอะเหลือเกิน เอาเป็นว่าเรียกแล้วให้รู้ว่าคือที่ไหนก็พอจริงไหมล่ะครับ ^^

 

sensoji-02
 

จุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เริ่มตั้งแต่ปากทางเข้ากันเลย โคมสีแดงอันใหญ่ไม่ว่าใครมาที่นี่ก็ต้องถ่ายรูปคู่ด้วยกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณมาที่นี่ก็ควรจะต้องถ่ายไว้ด้วยไม่งั้นอาจจะมานึกเสียใจภายหลังได้นะครับ ^^ โชคเข้าข้างผมมากครับ จากรูปโคมจะเห็นว่าหายไปครึ่งนึง ไม่ใช่โดยขโมยนะครับ เพียงแต่ช่วงนี้เค้านำโคมไปซ่อมบำรุงเลยเหลือไว้ให้ถ่ายอยู่ครึ่งนึงให้รู้ว่ายังเป็นโคมอยู่นั่นเองแหละจ้า

 

sensoji-03
sensoji-05

sensoji-04

sensoji-06

 

พอเดินจากประตูเข้ามาก็จะพบกับร้านขายของที่ระลึกมากมายเต็มสองข้างทางเลย มีทั้งร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของฝาก ร้านขายขนม ร้านขายของเล่น หรือแม้กระทั้งร้านขายของศิลปินญี่ปุ่น-เกาหลีก็ยังดีอยู่ร้านนึงเลยนะครับ O_O แต่เผอิญวันที่ผมไปครั้งนี้ ผมไปเช้ามากกกกกกกกกก เรียกว่าร้านค้ายังไม่เปิดกันเลยทีเดียวมีเปิดอยู่บางร้านเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ข้อดีคือคนไม่เยอะเดินชิวเล่นสบายๆ แล้วพอไหว้พระเสร็จแล้วเดินออกมาร้านจะเปิดพอดีครับฮะๆ

 

sensoji-07
sensoji-09

sensoji-08

 

เดินเล่นกันเพลินๆก็จะมาเจอกับประตูสายฟ้า Kaminarimon ที่จะประกบด้านซ้าย-ขวาด้วย เทพเจ้าสายฟ้า กับเทพเจ้าสายลมครับ และติดๆกับประตูนี้จะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอาซากุสะด้วยครับ แต่ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะเดินเลยและไม่ได้สนใจมากนัก เพราะไม่ได้เด่นและมีแต่คนญี่ปุ่นมาไหว้ตรงศาลเจ้านี้เท่านั้นเองครับ

 

sensoji-11
sensoji-13

sensoji-12

 

พอเดินมาจนสุดก็จะเจอสถานที่ที่เราจะมาไหว้สักการะกันแล้วล่ะครับ ขั้นตอนแรกควรจะต้องล้างมือ+บ้วนปากกันก่อน เป็นการล้างสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกายเรา แล้วทำการจุดธูป ซึ่งที่จุดธูปก็ไฮเทคสมกับเป็นประเทศญี่ปุ่นจริงๆครับ ชอบมากเป็นระบบไฟฟ้าแป๊ปเดียวติดเลย ทำการไหว้อธิฐาน (ขอให้ได้กลับมาญี่ปุ่นอีกๆๆๆๆๆ =P) เสร็จแล้วก็นำธูปไปปักแล้วควักควันธูปเข้าหาตัวเรา เป็นการเรียกสิ่งดีๆให้เข้ามาในชีวิตเราครับ แค่นี้เรียบร้อย เสร็จแล้วเดินเข้าไปด้านในวัดเซ็นโซจิ

 

sensoji-14

sensoji-15

sensoji-16

 

วัดเซ็นโซจิถือว่าเป็นวันที่เก่าแก่ที่สุดในโตเกียว เห็นว่าสร้างกันมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 1771 เลยทีเดียวนะครับ และด้านในวัดเป็นสถานที่ที่เจ้าแม่กวนอิมทรงปฏิสถานอยู่ แต่จะปิดเอาไว้ไม่เคยมีใครได้เห็นท่านจริงๆซักที ตรงจุดนี้เราสามารถที่จะโยนเหรียญแล้วอธิฐานขอพรกันได้ครับ การโดยเหรียญตามความเชื่อแล้วเหมือนกับว่าเป็นการโดยกิเลส ตัณหา ทิ้งไปเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นนะครับผม และใครที่ชอบการเสี่ยงเซียมซีที่นี่ก็มีให้ได้ดูดวงกันด้วยล่ะครับ ถ้าอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกก็ไม่ต้องกลัวนะครับ เค้ามีภาษาอังกฤษให้ด้วย วันนั้นผมก็จัดเซียมซีไปหนึ่งดอก เยี่ยมเลยครับ ได้ดวงออกมาแย่สุดๆแบบแย่กว่านี้คงไม่มีอีกแล้วฮาาาา ToT ถ้าดวงไม่ดีให้ผูกกระดาษในสถานที่ที่ทางวัดจัดไว้ให้ได้เลยครับ

 

sensoji-17
sensoji-18

sensoji-19

 

รอบๆบริเวณนี้ยังมีบรรยากาศน่ารักๆอีกมากเลยนะครับ และเลยรอบๆบริเวณวัดออกไปจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของอีกมากมายให้ได้ช้อปปิ้งกัน แต่ถ้าใครไปลองแวะชิมขนมปังร้านเก่าแก่นี้ดู ให้ดูตามรูปเลยนะครับ ร้านนี้ดังมากและขนมปังก็นุ่มมากกกกกกกกกกก ครั้งที่แล้วผมลองจัดขนมปังเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้เห็นมีขายซอฟท์ครีมอยู่หลายรสด้วย เลยจัดซักหน่อยขนาดอากาศ 10 กว่าองศานะครับ โอยยยยย ทั้งอร่อยและทั้งหนาวดีจริงๆ ถ้ากลัวหาร้านไม่ถูกลองปริีนท์รูปร้านไปด้วยก็ได้นะครับผม ^^

 

sensoji-20
sensoji-21

sensoji-23

sensoji-22

sensoji-24