วันที่ 2 ของการเดินทางที่ญี่ปุ่นนะครับ วันนี้มีแผนว่าจะไปเที่ยวชมน้ำพุนรก และปากปล่องภูเขาไฟ Aso ตื่นเช้ามาเราจึงขอเดินเที่ยวชมเมือง Beppu ก่อนลากันซะหน่อย
เที่ยวชมเมืองได้พอสมควรแล้ว แล้วก็จะทำการเดินทางไปเที่ยวชมน้ำพุนรกก่อน โดยเราได้เดินทางไปยัง Information ของสถานี Beppu เพื่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวที่น้ำพุนรก เราไปรอ Information เปิดแต่ก็พบว่า มีคนมารอก่อนหน้าเราแล้ว หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปสอบถามข้อมูล สรุปได้ว่า เราจะต้องซื้อตั๋วรถเมล์แบบ 1 วัน ขึ้นได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ต้องนี้ขอแนะนำว่า ถ้าเรานำบัตรนิสิต บัตรนักเรียน จากประเทศไทยมา สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ด้วย ส่วนตั๋วเข้าชมน้ำพุนรก สามารถซื้อได้ที่หน้าบ่อเลยครับ
การนั่งรถเมล์เหมือนเดิมครับ รถจะมาตรงเวลา แต่ตอนนี้แปลกตรงที่เราไม่ต้องจ่ายเงินตอนลงแล้ว (โชว์บัตรเบ่ง 1 วัน ที่ซื้อมาจากสถานีเบปปุได้เลย) น้ำพุนรกนี้จะมีทั้งหมด 8 บ่อครับ โดยแบ่งเป็นเขตแรก 6 บ่อ และอีกเขตนึกต้องนั่งรถเมล์ต่อไปอีกหน่อยอีก 2 บ่อ มาเริ่มต้นกันเลย หลังจากที่เรานั่งรถเมล์ไปถึงเขตแรกแล้ว ก็ทำการหาบ่อน้ำพุบ่อแรกเลยครับ ซึ่งตอนผมไปอาศัยเดินตามคนข้างหน้าเอา เพราะสังเกตแล้วว่าเค้าเดินทางมาชมบ่อน้ำพุนรกเหมือนกัน
เดินตามมาสักพักก็ถึงจุดขายตั๋วแล้วครับ เป็นแบบเหมาจ่าย 8 บ่อ ราคา 2000 เยนครับ ต่อจากนี้ขออนุญาตลงรูปจากบ่อน้ำพุนรกเลยนะครับ (สามารถคลิกที่รูปเพื่อดูรูปใหญ่ได้นะคร๊าบ)
หลังจากเยี่ยมชมน้ำพุนรกเสร็จ เราก็เดินทางกลับมาที่ Beppu Station เพื่อเตรียมเดินทางไปต่อที่ภูเขาไฟ Aso นะครับ ก่อนจากเราก็ขอถ่ายรูปคู่กับบุคคลผู้ซึ่งนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้กับเมือง Beppu สักหน่อย เดินทางมาถึงหน้าสถานี ก็เจอกับคนไทยพอดีเลยครับ ซึ่งเค้าได้วานพวกผมให้ถ่ายรูปให้ แล้วเค้าก็ถ่ายรูปพวกผมกลับคืน ฮ่า ๆ
หลังจากนั้นก็ขึ้นรถ Limited Express จากเมือง Beppu ส่งตรงถึงสถานี Aso เลยครับ แต่เนื่องจากเหนื่อยมาก ขึ้นรถไฟได้เลยหลับกันเป็นแถว ไม่มีรูปถ่ายบรรยากาศมาให้เห็น ฮ่า ๆ ภาพตัดกลับมาอีกทีเราเดินทางมาถึงสถานี Aso แล้วครับ หลังจากนั้นก็ทำการเช่า Coin Locker แล้วทำการซื้อตั๋วรถเพื่อขึ้นไปยอดภูเขาไฟกันครับ . . . แต่ก็มีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เราขึ้นรถเมล์ผิดคันครับ โอ้ว นึกขึ้นได้ จึงขอลงป้ายถัดไปเลยครับ แล้วเดินย้อนกลับมาที่สถานีเดิม ระหว่างทางเดินก็ได้ถ่ายรูปเล่นเก็บมาครับ บรรยากาศการเดินกลับสู่สถานี ฮ่า ๆ
ทีนี้ไม่พลาดแล้ว ดูเวลาให้ตรงพอดีเป๊ะ ขึ้นไปรถก็ใช้สกิลนิ้วเลยครับ ชี้ไปที่บัตรที่ซื้อมากับคนขับ คนขับตอบกลับมาว่า โอเค เสร็จเรา ขึ้นคันนี้ไม่หลงแน่ เราก็ได้นั่งยาวขึ้นไปสู่ยอดเขา Aso เลยครับ พอมาถึงยอดเขา Aso เราต้องนั่งกระเช้าต่อเพื่อไปที่ปากปล่องภูเขาไฟ แต่ว่า กระเช้าปิดปรับปรุงครับ 🙁 แต่ว่ามีบริการรถขึ้นไปส่งที่ปากปล่องเหมือนกัน ราคา 1000 เยน โอเคครับ มาถึงขนาดนี้แล้ว เราก็ได้ขึ้นไปสู่ปากปล่องภูเขาไฟ Aso อันเรื่องชื่อว่ายังประทุอยู่ตลอดนะครับ
(Update เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2558 ภูเขาไฟอะโสะได้ทำการปะทุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000103759)
พอขึ้นถึงปากปล่องภูเขาไฟ ก็พบป้ายเตือนเลยครับ ว่าพื้นที่นี้มี แก๊สพิษสูงนะครับ ผู้ที่มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจไม่ควรมานะครับ บนปากปล่องภูเขาไฟนี้ ลมแรงมากครับ และก็กลิ่น แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซต์ก็แรงมากเช่นเดียวกัน แต่เพื่อการเดินทางแล้ว เราพร้อมที่จะลุยครับ ฮ่า ๆ เดินทางไปเยี่ยมชมปากปล่องภูเขาไฟ พอดีมีทัวคนเกาหลีมาลงครับเลยหามุมถ่ายปากภูเขาไฟยากหน่อย ซึ่งควันที่ลอยออกจากปล่องภูเขาไฟเหมือนก้อนเมฆเลยครับ ดูไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรเลย
พอดูจนอิ่มใจแล้วก็นั่งรถลงมาที่สถานี Aso เพื่อรอรถไฟเดินทางต่อไปเมือง Kumamoto ครับ เช่นเคย ยืนรอรถเมล์ทีหน้าทางขึ้นกระเช้าเพื่อกลับสื่อสถานี เดินทางได้ประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีครับ รอบนี้เราจะนั่งรถไฟหวานเย็นจาก Aso ไปยังเมือง Kumamoto ซึ่งรถไฟหวานเย็นนี้ถือว่าเป็นรถไฟที่ช้าที่สุด (แต่ยังเร็วกว่ารถไฟบ้านเรานะ ผมว่า ฮ่า ๆ)
ขึ้นนรถไฟหวานเย็นได้ เราก็หลับเลยครับ เหนื่อยจากการเดินทางที่ ออกซิเจนเบาบาง ฮ่า ๆ หลับ ๆ ตื่น ๆ สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่มี เล่นเฟสบุ๊คไม่ได้ ได้แต่ นอน ดูวิวข้างทางไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเราก็มาถึงสถานี Kumamoto ครับ เป็นเมืองที่ค่อนข้างครึกครื้นอยู่บ้าง หลังจากลงรถหวานเย็น เราก็ต้องทำการนั่งรถรางรอบตัวเมืองเพื่อไปลงแถว ๆ โรงแรมที่เราพักนะครับ
โดยรถรางนี้ราคา 120 เยนตลอดทั้งสายครับ วิธีการจ่ายเงินเหมือนกับการขึ้นรถเมล์ คือไปแลกเหรียญแล้วหยอดลงไป 120 เยนครับ หลังจากนั้นก็เดินทางหาโรงแรมครับ ค่ำคื่นอันเงียบสงบ อุณหภูมิประมาณ 10 องศา กับการแบกของเดินทางตามหาโรงแรม ค่อนข้างถึกพอตัวเลย ฮ่า ๆ บรรยากาศ ณ ตอนนี้เงียบสงบดีครับ ต่างกับตรงสถานีรถไฟที่คนจะครึกครื้นมาก หรือเป็นเพราะดึกแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายเราก็มาถึงโรงแรมครับ
การเดินทางของเราในวันนี้จบลงที่โรงแรมนี้ครับ โรงแรม Hotel Dormy Inn เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว แต่ค่อนข้างหรูหรามากครับ ห้องเล็กไปหน่อย แต่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีครบเลย การเดินทางวันที่ 2 ของเราจบเพียงเท่านี้ครับ นอนพักผ่อนเอาแรง เตรียมตื่นตอนเช้ามาชมดอกซากุระที่ปราสามคุมาโมโต้ต่อในวันรุ่งขึ้น ติดตามตอนต่อไปได้ เร็ว ๆ นี้ครับ
つづく
You must be logged in to post a comment.