กว่าจะถึงคันไซ…
สวัสดีค่ะ ชื่อเบญนะคะ ขอแทนตัวว่าเรานะคะ เพราะที่นี่ทุกคนคือเพื่อนร่วมทริปกัน แม้ว่าเราจะไม่ได้ไปด้วยก็ตาม อิอิ แต่เราขออนุญาตมาแบ่งปันประสบการณ์ในช่วงเวลาที่สุดๆสำหรับเราในทริปครั้งแรกที่โอซาก้านะคะ มาเริ่มกันเลย…
เดินทางคนเดียว ครั้งแรกด้วยค่ะ เราไว้ใจเราไปกับพี่คาเธ่ค่ะ อิอิ
ในวันที่ตัดสินใจว่าจะไปญี่ปุ่น(โอซาก้า)นั้น เราคิดหลายตลบมากค่ะ เพราะมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ถามว่างบจะพอไหม??? ตั้งแต่วันนั้นเริ่มงกค่ะ จะเก็บตังค์เพื่อญี่ปุ่น และเริ่มวางแผนการเดินทางและการใช้งบน้อยหอยสังข์ของเรากันค่ะ สรุปง่ายๆคือต้องนั่งจากสุวรรณภูมิ ไปฮ่องกง และต่อจากฮ่องกงไปยังสนามบินคันไซอีกทีค่ะ จนวันเดินทางของเราก็มาถึง เราเดินทางกับพี่ๆอีกสองคนค่ะ เขาจะไม่ห่วงเราเลยถ้า…มันไม่ใช่เราเดินทางคนเดียวค่ะ และนี่เป็นครั้งแรกที่เราบินออกต่างประเทศ อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกงด้วยค่ะ พี่ๆก็คอยห่วงเรา กลัวไม่ถึงญี่ปุ่นล่ะสิ??? จริงๆก็เกือบแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆ ตื่นเต้นที่สุด สั่นไปหมดค่ะ แทบลมจับ
เราถึงฮ่องกงอย่างสวัสดิภาพค่ะ แต่หลังจากนั้นนี่สิ ในบอร์ดดิ้งพาสเราที่ต่อจากฮ่องกงมันไม่ได้ระบุเกทที่จะขึ้นเครื่องค่ะ ต้องมาหาเองที่สนามบินฮ่องกง เอาล่ะสิ!!! มีเวลาเปลี่ยนเครื่องราวๆชั่วโมงครึ่งค่ะ วิ่งสิคะ รออะไร? เราวิ่งๆๆๆ จนถึงเกท 53 ค่ะ เพื่อหาสายการบินที่จะขึ้น แต่เราเสียเวลากับการหาทางไปเปลี่ยนเครื่องค่ะ (ยากตรงนี้แหละค่าาา) วิ่งๆอยู่ก็ฉลาดขึ้นมาซะงั้นค่ะ พยายามมองหาบอร์ดแสดงเที่ยวบินค่ะ และแล้ว….หนูก็เจอ!!! แต่ก็ต้องหน้าตั้งวิ่งกลับมาที่เกท 1 ค่ะ ลองคิดนะคะ เกท 53 ถึงเกท 1 ลิ้นห้อยค่ะ จนแล้วจนรอด เราก็สามารถมาถึงเกทที่ต้องขึ้นเครื่องไปต่อ ได้พักหายใจหายคอ 15 นาที ก็ต้องขึ้นเครื่องแล้ว ในใจก็โล่งไปเปราะหนึ่ง เอาวะมาถึงนี่แล้ว เอาให้สุดเลยแล้วกัน…
นั่งพักให้หายหอบจากการวิ่งก่อนค่ะ ที่สนามบินฮ่องกง…
พอเรานั่งที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ทำเนียนๆค่ะ พยามไม่ตื่นเต้นอะไร แต่…ก็เจอปัญหาใหม่คือ การเขียนใบตรวจคนเข้าเมืองค่ะ โอ๊ยยยยยย หนูไม่เคยเขียนเลย บางคำก็ยากเกินไปสำหรับหอยสังข์อย่างเรา แล้วเราก็ได้เจอนางฟ้าค่ะ หันไปทางขวามือเราก็ได้เจอนางฟ้าค่ะ ซึ่งเธอเป็นคนญี่ปุ่นและก็เปลี่ยนเครื่องเหมือนกับเรา ก็ได้ทักทายกันตามประสาคนที่เข้ากับคนง่าย นางฟ้าก็โปรดหอยสังข์ด้วยการอ่านด้านที่เป็นภาษาญี่ปุ่นมาแปลเป็นอังกฤษอย่างง่ายให้เราอีกทีหนึ่ง ซึ่งมันก็เรียบร้อยค่ะ เวลาผ่านไปราวๆ 2-3 ชั่วโมง เราก็เข้าสู่น่านฟ้าของเขตคันไซค่ะ แล้วเราก็เจอฝนฟ้าคะนองด้วย เรากับเพื่อนใหม่ก็มองหน้ากันแล้วสวดมนต์กันอย่างไม่ได้นัดหมายค่ะ คือกลัวมากๆเลย กลัวลงจอดไม่ได้ เพราะเครื่องสั่นตลอดเวลา ที่สุดเราก็ถึงคันไซอย่างปลอดภัยค่ะ เย่ๆๆ
ด่านต่อมาคือตรวจคนเข้าเมืองค่ะ เขาว่ากันว่าตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นนั้นหินมาก คือเราอ่านเยอะจนวิตกเกินไปค่ะ เอาเข้าจริงๆแล้วก็ห้านาที อย่างฉลุยค่าาาา ฮ่าๆๆ ต้องยกความดีงามนี้แด่เพื่อนใหม่ค่ะ เขาช่วยเราเยอะมากจริงๆค่ะ ช่วยยันเรื่องการซื้อตั๋วรถไฟและจัดการหาที่ให้เรารอพี่ๆมารับได้สะดวกเลยค่ะ คนดีของเบญที่เราไม่อาจลืมค่ะ อิอิ รอจนจะห้าทุ่มค่ะ (ลืมบอกไปว่าถึงตอนสามทุ่มครึ่งค่ะ) เกือบตกรถไฟรอบสุดท้ายอีก…แต่ก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัยค่าาาา มาถึงก็ซัดของกินก่อนเลยค่ะ ราคาคนงบน้อยราวๆ 33 บาทค่ะ คือ ข้าวปั้นสามเหลี่ยม เลือกมาด้วยความไม่รู้ว่ารสอะไร แต่บอกเลยว่าอร่อยมากกก อิอิ นอนพักเอาแรงค่ะ เพลียมาทั้งวัน พรุ่งนี้เราต้องแบกเป้เที่ยวค่ะ
มื้อแรกที่โอซาก้าค่ะ อร่อยมากกก แต่ได้แค่ดมค่ะ เหนื่อยจนกินไม่ค่อยลงค่ะ
ขอบคุณที่อ่านนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่ลองเขียนอะไรแบบนี้ ยังดูขัดๆเขินๆ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรมากมาย แค่อยากเล่าประสบการณ์ครั้งแรกในการเดินทางของเราให้เพื่อนๆอ่านดูว่าการเดินทางคนเดียวได้อะไรเยอะกว่าที่คิดค่ะ ที่เห็นๆเลยคือ มิตรภาพค่ะ เพื่อนใหม่เราชื่อ ซาโอริ ที่คอยห่วงเราทั้งที่เพิ่งได้รู้จักกัน จนตอนนี้เราก็ยังติดตามถามไถ่กันอยู่ค่ะ (เราไปช่วงเดือนตุลาคม ปี 2013 ค่ะ)
เพื่อนใหม่ค่ะ น่ารักมั้ยคะ?? อิอิ
ตอนหน้า!!! เราจะเริ่มรีวิวสถานที่และของกินที่ขอบอกว่าแปลก ใหม่ และที่สุดสำหรับเราค่ะ รอติดตามนะคะ ขอบคุณค่าาา
by: BenKimji
You must be logged in to post a comment.